ตลาดฟุตบอลไทย ความต่างชั้นของสโมสรฟุตบอลไทยในระบบลีกอาชีพ

ฟุตบอลคือกีฬาที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งของไทย การเปลี่ยนแปลงของการแข่งขันฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยใช้ระยะเวลามาระดับหนึ่งก่อนที่จะเป็นรูปเป็นร่างแบบในปัจุบัน มีหลายสโมสรที่คงอยู่ บางสโมสรก็ต้องล้มหายไปจากสารบบ ปัจจัยอะไรบ้างที่ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวงการฟุตบอลไทย

ฟุตบอลไทยกว่าจะเปลี่ยนตัวเองจากกึ่งอาชีพมาเป็นมืออาชีพได้

ฟุตบอลลีกอาชีพของไทยเกิดจากการควบรวมสองลีกฟุตบอลในอดีตคือ รายการที่จัดโดยสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมป์กับรายการที่จัดโดยการกีฬาแห่งประเทศไทย รายการของสมาคมฟุตบอลฯ นั้นเกิดขึ้นก่อนในปี 2539 โดยมีชื่อรายการที่เปลี่ยนแปลงมาตลอดตั้งแต่ไทยแลนด์ซ้อกเกอร์ลีก ไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก ไทยลีก และไทยพรีเมียร์ลีก ก่อนที่สมาคมฟุตบอลฯ ชุดปัจจุบันจะปรับโครงสร้างใหม่และกลับไปใช้ชื่อ ไทยลีก อีกครั้ง

ฝั่งการกีฬาแห่งประเทศไทยได้จัดรายการฟุตบอลอาชีพอีกหนึ่งรายการเพื่อแก้ปัญหาการกระจุกตัวของรายการฟุตบอลที่จัดโดยสมาคมฯ ซึ่งแข่งกันอยู่แต่ภายในกรุงเทพมหานคร โดยจัดแข่งขันรายการโปรวินเชี่ยนลีกในปี 2542 เกิดการกระจายทีมเข้าร่วมแข่งขันไปสู่จังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ

เข้าสู่ปี 2550 การกีฬาแห่งประเทศไทยผ่านข้อตกลงร่วมกับสมาคมฟุตบอลฯ จึงได้ทำการยุบรายการโปรวินเชี่ยนลีก แบ่งสโมสรจังหวัดต่าง ๆ เข้าไปอยู่ในรายการไทยแลนด์พรีเมียร์ลีก และไทยลีกดิวิชั่น 1 จนกลายมาเป็นลีกอาชีพระบบเดียวของไทยในทุกวันนี้

ลีกอาชีพแต่ขาดความเป็นมืออาชีพ

ฟุตบอลลีกอาชีพของไทยค่อย ๆ เติบโตขึ้นอย่างทุลักทุเล เพราะแต่ละสโมสรต่างประสบปัญหาในการสร้างรายได้ จนมีคำพูดว่าทำฟุตบอลไม่ได้กำไร เพราะสโมสรต่าง ๆ ไม่ได้ให้ความร่วมมือในการผลักดันตัวเองไปสู่ความเป็นมืออาชีพ ยังมีการบริหารงานแบบเก่าที่ยึดติดกับเงินสนับสนุนจากสมาคมฟุตบอลฯ ขาดการบริหารเรื่องลิขสิทธิ์ สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทำให้ฟุตบอลลีกอาชีพของไทยเกิดภาวะบูมบ้าง ซบเซาบ้างสลับกันไป

แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวหลายสโมสรก็ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองไปสู่แนวทางความเป็นสโมสรมืออาชีพบ้างแล้ว เช่น สโมสรชลบุรี เอฟซีที่บริหารจัดการแบบมืออาชีพทั้งสโมสรและกองเชียร์ พวกเขาเป็นโมเดลสโมสฟุตบอลมืออาชีพสโมสรแรกของไทย ต่อมาก็มีอีกหนึ่งสโมสรที่จัดการอย่างมืออาชีพและประสบผลสำเร็จอย่างโดดเด่น สโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ดไต่เต้ามาจากลีกระดับล่าง ได้รับการสนับสนุนเรื่องแนวทางจากสื่อกีฬาอันดับหนึ่งของประเทศซึ่งคลุกคลีกับสโมสรฟุตบอลอาชีพในต่างประเทศมาก จนกระทั่งการมาถึงของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ เมื่อนักการเมืองผู้มีบทบาทสำคัญของจังหวัดต้องการสร้างสโมสรที่กลายเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ซึ่งมันเป็นจังหวะสอดคล้องกับการที่สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี เริ่มใช้กฎเหล็กเรื่องคลับไลเซนซิ่ง ทำให้หลายสโมสรเกิดการลงทุนแบบมืออาชีพมากขึ้นเพื่อให้ผ่านเกณฑ์การพิจารณา

ผลตอบแทนการลงทุน ความแตกต่างที่เกิดจากวิสัยทัศน์

ที่บุรีรัมย์ สโมสรฟุตบอลกลายเป็นสัญลักษณ์และความภาคภูมิใจของคนในจังหวัด การลงทุนอย่างเอาจริงเอาจังของประธานสโมสรฟุตบอลที่หันหลังให้การเมืองมาทุ่มเทกับกีฬาเต็มที่สร้างดอกผลแห่งความสำเร็จต่อเนื่องหลายปี ไม่เพียงแค่ชื่อเสียงที่เพิ่มขึ้นจากการประสบความสำเร็จ แต่เรื่องของรายได้ที่ย้อนกลับมาสู่สโมสรและจังหวัดอีกจำนวนมาก

สโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์สามารถต่อรองในการได้รับเงินสนับสนุนจากสปอนเซอร์ปีละหลายร้อยล้านบาท เม็ดเงินเหล่านี้เมื่อรวมกับการทำตลาดสินค้าที่ระลึก บัตรเข้าชมการแข่งขัน ลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสด บุรีรัมย์เป็นสโมสรที่มีรายได้เฉลี่ยต่อเกมในบ้านราว 1 ล้านบาท แตกต่างจากสโมสรอื่น ๆ ที่อยู่ในระดับหลักแสนเท่านั้น

บุรีรัมย์กลายเป็นโมเดลใหม่ของการบริหารจัดการสโมสรฟุตบอลในประเทศไทย และเป็นโมเดลสำหรับการทำสโมสรฟุตบอลในภูมิภาคอาเซียนด้วย หลายสโมสรนำแนวทางของบุรีรัมย์ไปปรับใช้ตามศักยภาพ และเริ่มเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างแต่ละสโมสรมากขึ้นจากขนาดการลงทุนของเจ้าของสโมสร

สโมสรฟุตบอลอาชีพในประเทศไทยแต่ละสโมสรมีความเป็นมืออาชีพมากหรือน้อย ไม่ได้วัดกันที่ใครประสบความสำเร็จได้แชมป์หรือถ้วยรางวัลมากกว่ากัน แต่ต้องพิจารณาถึงการบริหารจัดการทั้งบุคลากรและทรัพยากรที่มี ผลกำไรจากการหารายได้เข้าสโมสรกับรายจ่ายประจำปี หากทำให้มีกำไรได้ แม้จะเป็นสโมสรเล็ก ๆ ก็สามารถยืนหยัดในระบบฟุตบอลลีกไทยได้แน่นอน