นางมารแอนนาในชีวิตของมอลลี่ บาร์ทริป

คุณจะทำอย่างไรหากปีศาจร้ายในตัวเฝ้ากล่อมประสาทของคุณให้ทำสิ่งนั้รและห้ามทำสิ่งนี้ และนั่นคือสิ่งที่นักเตะหญิงของทีมสโมสรเรดดิ้งเคยเผชิญมาก่อน

เธออยู่ในตัวฉันและควบคุมชีวิตฉัน

แอนนาเป็นชื่อที่มอลลี่ บาร์ทริปคุ้นเคย ในฐานะเด็กสาววัยรุ่นและนักกีฬาฟุตบอลที่กำลังมีอนาคตแล้ว แอนนาไม่ใช่ทั้งเพื่อนร่วมชั้น และไม่ใช่ทั้งเพื่อนร่วมทีม ถึงอย่างนั้นแอนนาก็บงการชีวิตของมอลลี่ไปตามใจอยาก

“เธอครอบงำฉันเล่นราวกับเป็นหุ่นเชิด” มอลลี่ให้สัมภาษณ์ถึงแอนนา ผู้ไม่มีตัวตนที่แท้จริง

เธอเป็นชื่อที่มอลลี่ตั้งให้กับเสียงที่ก้องอยู่ในจิตสำนึกระหว่างช่วงเวลาที่เธอกำลังสู้กับโรคอะนอเร็กเซีย หรือสภาพป่วยด้วยความอยากผอมผิดปกติ

“เธอเหมือนปีศาจที่ตั้งหน้าตั้งตากดไหล่ฉันให้ทรุดลงจากความพยายาม”

จุดเริ่มต้นของวันที่มืดมน

มอลลี่ บาร์ทริป กองหลังวัย 22 ปีอาจจะดูฟิตและแข็งแรง รวมถึงภาพลักษณ์แบบนักกีฬาสุขภาพดี นับตั้งแต่จำความได้ มอลลี่หลงใหลในฟุตบอลมาก แถมเธอยังเล่นได้ดีระหว่างร่วมทีมกับเด็กผู้ชายจนเข้าตาแมวมองของสเปอร์ ชาร์ลตันและอาร์เซน่อล

ที่สโมสรอาร์เซน่อล หนึ่งในทีมฟุตบอลหญิงที่เก่งที่สุดของเกาะอังกฤษ มอลลี่พัฒนาฝีเท้าจนมีชื่อเรียกติดทีมชาติรุ่น U-15 เพื่อลงเล่นกับเนเธอแลนด์ ทว่าหนึ่งวันก่อนเกมเธอได้รับบาดเจ็บหนัก กล้ามเนื้อฉีกขาด และทำได้แค่นั่งดูเพื่อนลงเล่นในสนาม

ความคิดที่แล่นเข้ามาในสมองซ้ำ ๆ ในตอนนั้นคือ เธอสูญเสียโอกาสสำคัญในการเป็นนักกีฬาตัวแทนประเทศ จากนั้นเธอตกอยู่ในสภาพเอาแต่ทำร้ายตัวเองตลอดเวลา

หกเดือนให้หลังเด็กหญิงมอลลี่ปฏิเสธการทานอาหาร ทุกครั้งที่พ่อแม่เผลอ เธอจะเอาของกินไปซ่อนหรือไม่ก็ปาทิ้งไปนอกหน้าต่าง เธอห่างไกลจากการเป็นนักกีฬาในปัจจุบันแบบอยู่คนละเส้นทาง

“ฉันไม่สามารถสู้เธอได้เลย เธอสามารถสั่งการฉันได้ทุกอย่าง สั่งให้ฉันวิ่งเป็นบ้าเป็นหลัง สั่งให้คอยแต่กังวลกับปริมาณแคลอรี่ในอาหาร ฉันพยายามสู้แต่มันก็จบลงที่การยอมแพ้ต่อเธออยู่ดี”

ที่จุดแย่สุด มอลลี่ทำร้ายตัวเอง ขังตัวเองไว้ในห้องและเอาแต่มุดอยู่ใต้เตียง ไม่เพียงแค่ชีวิตของมอลลี่ที่ได้ผลกระทบ ครอบครัวบาร์ทริปทั้งหมดก็ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ไปด้วย

การสู้กลับของเด็กสาวผู้พ่ายแพ้

จากเด็กสาวที่เติบโตมาด้วยความหลงใหลในเบคอนและมันฝรั่งแผ่นทอดกรอบ มอลลี่กลายสภาพเป็นคนไม่อยากกินอะไร ชีวิตใส่คอนเวิร์สให้กับอาหาร น้ำหนักลดเอา ๆ และถูกสรุปว่าเป็นอะนาเร็กเซีย

ชีวิตของมอลลี่เข้าขั้นโคม่าเมื่อตับของเธอเริ่มทำงานไม่ปกติ ร่างกายเธอผอมแห้ง หมดแรงจนต้องรับอาหารผ่านสายยาง

“มันน่ากลัวที่สุดในชีวิตแล้ว และตอนนั้นฉันก็รู้ว่าฉันต้องเปลี่ยนมัน”

มอลลี่หาแรงบันดาลใจ และรูปถ่ายหมู่สมัยยังอยู่ในทีมเยาวชนของอาร์เซน่อลที่ถูกโพสต์บนเฟซบุ๊ค คือสิ่งนั้น เธอกลับมามีความฝันที่จะกลับไปเล่นฟุตบอลอีกครั้ง และสิ่งนี้ช่วยให้มอลลี่มีชีวิตที่ดีขึ้นๆ ทุกวัน ห้าปีหลังจากการวิ่งหนีเบคอน ในที่สุดมอลลี่ก็กลับมากินมันได้อีกครั้งตอนอายุ 19 หลังจากนั้นก็ได้โอกาสร่วมทีมกับสโมสรเรดดิ้ง ตามด้วยติดทีมชาติอังกฤษอีกครั้ง “ฉันร้องกรี๊ดตอนที่ได้รู้ว่าถูกเรียกติดทีมชาติ” มอลลี่เผย

ในเกมทีมชาติอังกฤษนัดแรกมอลลี่ บาร์ทริปลงเล่นในฐานะแบ็คขวา เธอร้องเพลงชาติสุดเสียง และระหว่างนั้นเสียงในสมองก็พร่ำบอกว่า “ฉันทำได้ ฉันทำมันจนได้” และนั่นไม่ใช่เสียงของแอนนาอีกแล้ว