พระเจ้ายังไงก็เป็นพระเจ้า ผลงานอิบราฮิโมวิชกับการยกระดับเกมรุกของมิลาน

“สำหรับโลกแห่งฟุตบอล พระเจ้าเป็นชาวสวีเดน” คำพูดนี้จะเป็นการกล่าวถึงใครไปไม่ได้ นอกจากชายที่มีชื่อว่า ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กองหน้าระดับเวิร์ลด์คลาสสัญชาติสวีเดนที่ปัจจุบันเล่นอยู่ในกัลโช่ ซีรี่ย์ อา อิตาลีกับสโมสรปีศาจแดงดำ เอซี มิลาน และกำลังช่วยให้แนวรุกของต้นสังกัดใหม่ของเขาน่ากลัวขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง

ซลาตันนั้นพึ่งจะย้ายมาร่วมทัพปีศาจแดงดำเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าอายุของเขาจะปาเข้าไปถึง 38 ปีแล้ว แต่ทางมิลานยังคงเห็นว่าเขาจะมีประโยชน์ต่อทีม และผลงานกับทีมล่าสุดอย่างแอลเอ กาแล็กซี่ในเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา ก็ยังแสดงให้เห็นว่าพระเจ้ายังคงไม่หมดน้ำยา เพราะเขายิงให้แอลเอไปถึง 52 เม็ดจากการลงเล่นไปเพียงแค่ 56 เกมเท่านั้นเอง ดังนั้นทางสโมสรปีศาจแดงดำจึงจัดการดึงตัวพระเจ้ากลับมาโลดแล่นในอิตาลีอีกครั้ง

การย้ายมาเล่นในถิ่นซานซิโร่ครั้งนี้ถือเป็นการย้ายมาเล่นที่นี่เป็นครั้งที่สองของเจ้าตัว หลังเคยมาค้าแข้งกับมิลานมาแล้วเมื่อครั้งที่ย้ายออกจากบาร์เซโลน่าเมื่อปี 2010 ซึ่งเป็นการย้ายมาเล่นแบบยืมตัวก่อนหนึ่งฤดูกาลก่อนจะย้ายมาแบบซื้อขาดในปีต่อมา ซึ่งผลงานของเขาก็ทีมก็ถือดีเลยทีเดียวโดยลงเล่นให้กับมิลานสองฤดูกาลทั้งหมด 61 นัด ยิงไปถึง 42 ประตู พาทีมคว้าสคูเดตโตมาครองได้หนึ่งสมัย กับซูเปอร์โคปาอิตาเลียอีกหนึ่งสมัย ก่อนจะย้ายออกไปโกยถ้วยแชมป์ลีกเมืองน้ำหอมกับปารีส แซงต์แชร์กแมง

การกลับสูซานซิโร่ครั้งนี้ด้วยอายุที่มากขึ้นอาจทำให้หลายคนมองว่าเขาคงไม่มีประโยชน์ต่อทีมสักเท่าไหร่นัก แต่คำดูถูกเหล่านั้นรวมถึงการนำผู้เล่นอายุมากคนอื่น ๆ ที่ร่างกายและฟอร์มการเล่นที่ร่วงโรยไปตามวัย มาเทียบกับชายที่ได้ฉายาว่าเป็นพระเจ้าแห่งโลกฟุตบอลแล้วละก็ บอกเลยว่าคุณคิดผิดถนัดเพราะเขาลงเล่นให้กับมิลานในครึ่งฤดูกาลหลังนี้ไปทั้งหมด 20 เกม กับผลงานการทำประตูทั้งหมด 11 ลูก และจ่ายให้เพื่อนร่วมทีมอีก 5 และนอกจากการผลิตสกอร์ของเจ้าตัวแล้วสิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อทีมอย่างเห็นได้ชัดก็คือการยกระดับเกมรุกของผู้เล่นในทีม ซึ่งหากดูจากผลงานในลีกแล้วละก็จะเห็นว่าหลังจากเขามาทีมยิงประตูรวมกันได้ถึง 47 ลูก หลังจากที่ในครึ่งฤดูกาลแรกที่ไม่มีเขาทั้งทีมยิงไปเพียงแค่ 16 ลูกเท่านั้นเอง จะเห็นได้ว่าหลังการมาของเขาทีมยิงเยอะขึ้นเกือบสามเท่าตัวเลยก็ว่าได้

จากการกลับมาเล่นในลีกใหญ่ของยุโรปอย่างกัลโช่นั้น ทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่าพลังในการทำลายตาข่ายของซลาตัน อิบราฮิโมวิชนั้นยังไม่ได้หดหายไปตามวัยที่เพิ่มขึ้นแต่อย่างใด และเขายังมีมาตรฐานการเล่นที่มากพอที่จะเล่นในลีกระดับสูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมันก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่าฉายาที่แฟนบอลเรียกเขาว่า “พระเจ้า” นั้นไม่ได้มาเพราะโชคช่วยแต่อย่างใด