ฟุตบอลไทยเรียนรู้อะไรจากการมีนักเตะไทยไปเล่นเจลีก?

เริ่มต้นการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกไปได้หนึ่งเกม แฟนบอลไทยต่างพูดถึงเรื่องของสปีดบอลที่เพิ่มขึ้นผิดหูผิดตาของเกือบทุกทีม จนเป็นกระแสเดียวกันว่าฟุตบอลไทยกำลังยกระดับขึ้นไปอีกขั้น ซึ่งผมพวงเรื่องนี้น่าจะมาจากการที่นักเตะของไทยเดินทางไปค้าแข้งในลีกคุณภาพสูงกว่าอย่างเจลีก

โลกฟุตบอลที่อยู่สูงกว่าทำให้นักเตะไทยตาสว่าง

มันกลายเป็นเรื่องปกติที่นักฟุตบอลไทยซึ่งได้ไปสัมผัสกับเกมฟุตบอลของญี่ปุ่นจะกลับมาพูดเหมือนกันว่า ทั้งการซ้อมและการแข่งขัน ที่ญี่ปุ่นแตกต่างไปจากที่เมืองไทยมาก พวกเขาเป็นมืออาชีพกันอย่างถึงที่สุด โดยแทบทุกคนต่างยอมรับว่าเรื่องราวเหล่านี้เคยได้ยินก่อนจะเดินทางไปญี่ปุ่นแล้ว แต่เมื่อไปเจอของจริงมันยิ่งกว่าที่จินตนาการไว้เสียอีก

ตอนที่เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์เดินทางไปร่วมทีมคอนซาโดเล่ ซัปโปโร เขาก็บอกผ่านรายการทีวีว่า ที่ญี่ปุ่นมีความเข้มข้นในการเล่นฟุตบอลสูงมาก ซึ่งแตกต่างจากที่เมืองไทย นักเตะร่างเล็กรายนี้ผ่านการเคี่ยวเข็ญและฝึกหนักจากผู้เป็นพ่อมาตลอดทำให้เขาปรับตัวกับระบบและวัฒนธรรมที่ญี่ปุ่นได้ไม่ยาก ขณะที่มุ้ย ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทยซึ่งเคยไปสัมผัสชีวิตต่างแดนที่ยุโรปมาก่อนก็สามารถปรับตัวเข้าสู่ความเป็นมืออาชีพแบบเจลีกได้ไม่ยาก มีเพียงอุ้ม ธีราทร บุญมาทันรายเดียวที่ดูจะมีปัญหากับเรื่องนี้ เพราะแม้ว่าธีราทรจะเล่นฟุตบอลอาชีพมานาน แต่ความเป็นมืออาชีพแบบไทยกับแบบญี่ปุ่นนั้นต่างระดับกันมากพอสมควร

นักฟุตบอลไทยได้เรียนรู้อะไรจากการไปเล่นเจลีก?

จากการปรับเปลี่ยนกฎใหม่ของเจลีกที่สามารถส่งผู้เล่นชาติพันธมิตรลงได้ไม่จำกัด ทำให้นักเตะย่านอาเซียนถูกจับตามอง โดยเฉพาะผู้เล่นจากไทยลีกซึ่งถือว่ามีมาตรฐานของลีกสูงมากลีกหนึ่งในทวีปเอเชีย นักเตะคนสำคัญของไทยถูกจับตามองและเข้าเจรจา แม้ว่าในเบื้องต้นจะเป็นการขอยืมตัวไปใช้งานหนึ่งฤดูกาลทั้งหมด แต่สิ่งที่นักเตะไทยชุดแรกได้ทำไว้ที่เวทีการแข่งขันเจลีก ก็ได้เปลี่ยนมุมมองของวงการฟุตบอลเจลีกและวงการฟุตบอลไทยไปค่อนข้างมาก สโมสรจากญี่ปุ่นเชื่อว่านักเตะไทยมีคุณภาพสูง และเป็นกำลังสำคัญให้ทีมได้ ขณะที่นักเตะไทยเองก็ได้ความเชื่อมั่นว่าพวกเราก็เก่งพอที่จะเล่นฟุตบอลในลีกอันดับหนึ่งของเอเชียอย่างเจลีกได้

ภาพการฝึกซ้อมที่ถูกนำคลิปมาเสนอ รวมไปถึงการสัมภาษณ์นักเตะไทยที่ไปเล่นทั้งในเจลีก 1 และเจลีก 2 เป็นเครื่องยืนยันถึงความแตกต่างระหว่างฟุตบอลอาชีพไทยและฟุตบอลอาชีพญี่ปุ่น โดยเฉพาะจากปากคำของนักเตะที่เล่นในระดับเจลีก 2 ซึ่งเป็นทีมระดับอายุไม่เกิน 23 ปี ทั้งจักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ที่เล่นให้โตเกียว เอฟซีและเชาวัฒน์ วีรชาติที่เล่นให้เซเรซโซ่ โอซากะ ต่างก็พูดถึงการมาอยู่ญี่ปุ่นว่าเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องพยายามยกระดับตัวเองให้สูงขึ้น ไม่ว่าจะในการซ้อม การดูแลตัวเอง การเรียนรู้แทกติก รวมไปถึงการตามให้ทันสปีดฟุตบอลของญี่ปุ่น

เมื่อเป้าหมายของนักเตะไทยเปลี่ยนจากการเล่นไทยลีกไปเป็นเวทีที่สูงขึ้นไปอย่างเจลีก โดยเห็นว่ามันมีความเป็นไปได้จริง ๆ ไม่ใช่เรื่องที่เพ้อฝันเหมือนเมื่อก่อน ทุกคนก็เริ่มปรับตัวเพื่อให้สามารถก้าวข้ามระดับปัจจุบันของตัวเองซึ่งได้รับรู้ว่าดีแล้วแต่ยังดีไม่พอ

สปีดบอลที่เปลี่ยนไปของฟุตบอลไทยลีก สิ่งที่ได้มาจากนักเตะไทยไปต่างแดน

การไปเล่นเจลีกของนักเตะไทยทั้ง 5 รายในปีที่แล้ว และสร้างระดับความประทับใจในระดับหนึ่งได้ ทำให้โอกาสลงเล่นของนักฟุตบอลไทยมีบ่อยขึ้น แฟนบอลไทยจึงมีโอกาสชมเกมการแข่งขันของฟุตบอลเจลีกมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่งต่างก็ไม่พลาดที่จะนำมาเปรียบเทียบกับฟุตบอลไทยลีก

ลักษณะการเล่นของนักเตะไทยในไทยลีก 2019 มีความแตกต่างไปเล็กน้อยแต่ก็มองเห็นได้ โดยเฉพาะสปีดบอลที่เร็วขึ้น การตัดสินใจที่เร็วขึ้น แม้จะยังมีความผิดพลาดอยู่เนื่องจากการเล่นที่แตกต่างไปจากเดิม แต่ก็เป็นแนวโน้มที่ดี

นี่คือสิ่งที่แฟนบอลไทยพูดไปในทิศทางเดียวกันหลังเกมไทยลีกสัปดาห์แรกคือจังหวะการเล่นฟุตบอลของหลายทีมมีความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะทีมใหญ่อย่างบุรีรัมย์, ชลบุรี, แบ็งค็อก ยูไนเต็ด หรือ ราชบุรี ขณะที่ทีมเล็กอย่างประจวบ, ตราด หรือสมุทรปราการเองก็ได้รับคำชื่นชมว่าทำให้การเล่นดูสนุกขึ้น

                หากจะเทียบระดับไทยลีกกับเจลีกในตอนนี้ก็ยังคงต้องบอกว่ามีช่องห่างอยู่อีกเยอะ แต่ต้องยอมรับว่าเจลีกนั้นได้พัฒนามาจนถึงระดับนี้เกือบสิบปีแล้ว ขณะที่ฟุตบอลไทยลีกเพิ่งจะเริ่มต้นก้าวขึ้นบันไดขั้นใหม่ ยังคงต้องใช้เวลาในการที่จะทำให้ฟุตบอลไทยสมบูรณ์ด้วยความรวดเร็วในการเล่น แท็กติกที่หลากหลาย ตลอดจนความแน่นอนในการเล่นฟุตบอล

                นักฟุตบอลไทยมีโอกาสได้ไปเล่นในเจลีกมากถึง 5 คนเป็นปีที่สองติดต่อกัน แม้ว่าธีรศิลป์, เชาวัฒน์และจักรกฤษณ์ จะกลับมาเล่นที่เมืองไทยแล้ว แต่นักเตะหน้าใหม่อย่างนิว ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ก็ถูกยืมตัวไปเล่นให้น้องใหม่เจลีกอย่าง โออิตะ ทรินิต้า, จักรกฤษ ลาภตระกูลถูกยืมตัวไปเล่นให้โตกุชิมะ วอร์ติส และณัฐวุฒิ สุขสุ่มที่แบ็งค็อก ยูไนเต็ดส่งไปเก็บประสบการณ์แทนที่ของจักรกฤษณ์ เวชภิรมย์ ธีราทร บุญมาทันย้ายไปเล่นให้โยโกฮาม่า เอฟ มารินอส และเหนืออื่นใดผู้เล่นอย่างชนาธิปได้รับสัญญาซื้อขาดจากต้นสังกัดอย่างเมืองทองโดยคอนซาโดเล่ ซัปโปโร่เป็นที่เรียบร้อย นี่คือก้าวที่สูงขึ้นของฟุตบอลไทยกับการส่งผู้เล่นไปเล่นต่างแดน