5 สุดยอดสามประสานแผ่นดินยุโรป พศ. นี้

ฤดูกาลที่แล้วสามประสานแนวรุกของลิเวอร์พูลได้สร้างปรากฏการณ์สุดน่าสะพรึงกลัวให้กับบรรดาทีมทั่วยุโรป  เมื่อพวกเขา 3 คนทำประตูรวมกันไปถึง 82 ลูก โดยเฉพาะโมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ยิงคนเดียวถึงครึ่งหนึ่ง แต่ในฤดูกาลนี้ ผลงานของทั้งสามคนดร็อปลง ถึงอย่างนั้นก็ยังสามารถทำประตูช่วยทีมได้ไม่น้อย

แต่ตอนนี้ใครคือสามประสานสุดอันตรายของยุโรป ประจำช่วงครึ่งแรกของฤดูกาล 2018/2019 กันแน่ (นับถึง 6 ธันวาคม 2018)

  1. 5. เรือใบสามประสาน

เดอะ ทริโอ้แห่งแทนเชสเตอร์ ซิตี้ อเกวโร่ กุน, ราฮีม สเตอร์ลิ่งและลีรอยด์ ซาเน่ เป็นตัวแทนจากเวทีพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ ผลงานช่วยกันยิง 23 ลูกจาก 16 เกมในเวทีรีเมียร์ลีก และอีก 5 ลูกจากรายการอื่น ๆ

ความร้ายกาจบนเวทีพรีเมียร์ลีกของพวกเขาไม่ใช่แค่การทำ 22 ประตูจาก 45 ประตูที่ทีมทำได้ หากแต่ความน่ากลัวที่แท้จริงคือการที่พวกเขามีส่วนในการทำประตู ทั้งยิงและจ่ายให้กันและกันนั้น สูงถึง 82.22 เปอร์เซ็นต์

แน่นอนว่าแต่ละคนต่างมีความสามารถโดยส่วนตัวยอดเยี่ยมอยู่แล้ว แต่แนวทางการเล่นที่เป๊บ กวาร์ดิโอล่าวางไว้ให้พวกเขาเล่นได้ดีที่สุดคือการส่งบอลให้ราฮีม สเตอร์ลิ่งกับลีรอยด์ ซาเน่พาบอลฉีกกองหลัง แล้วให้อเกวโร่ กุนจบสกอร์ที่กลางประตู

  1. สามเสือร้ายของเสือเหลือง

ดอร์ทมุนด์ก้าวขึ้นมาบดบังรัศมีของเจ้าพ่อเมืองเบียร์ บาเยิร์น มิวนิคได้อย่างหมดจดในฤดูกาลนี้ ต้องยกความดีความชอบให้สามประสานที่ประกอบด้วย ปาโก้ อัลกาเซร์, มาร์โก รอยซ์และเจดอน ซานโช

การยืมตัวปาโก้จากบาร์เซโลน่าถือเป็นดีลที่สุดยอดของเสือเหลืองในฤดูกาลนี้ เมื่อนักเตะทีมชาติสเปนเข้าขาลงตัวกับมาร์โก รอยซ์และเจดอน ซานโชอย่างมาก มันยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีกหากพิจารณาเพียงเฉพาะการที่เขาถูกเปลี่ยนตัวลงมาในฐานะตัวสำรอง แล้วทำไปถึง 10 ลูก

ผลงานรวมตอนนี้ของทั้งสามคนคือ 23 จาก 37 ประตูที่ทีมทำได้ในบุนเดสลีก้า และมี 10 ประตูที่เป็นผลงานการจ่ายบอลให้กันและกัน

อย่างที่กล่าวว่า 10 ประตูของปาโก้มาจากการลงเป็นตัวสำรอง ถ้าเขาได้ลงเล่นในฐานะตัวจริงเคียงข้างกัปตันทีมฟอร์มดี มาร์โก รอยซ์ และเจ้าหนูฟอร์มรุ่งเจดอน ซานโชมากกว่า 2 เกมที่ได้โอกาส ทั้งสามคนจะยิ่งน่ากลัวไปใหญ่

  1. ลีโอเนล เมสซี่กับหลุย ซัวเรส และคนที่ไม่ใช่เนย์มาร์

ฤดูกาล 2016/2017 ชื่อของสามประสาน “MSN” ประกอบด้วยเมสซี่, ซัวเรสและเนย์มาร์คือนิยามความน่าหวาดหวั่นของแนวรับคู่แข่ง ทั้งสามคนทำประตูเป็นเลข 2 หลักหลังจบฤดูกาล และมันรวมแล้วมากถึง 114 ประตู

แต่เมื่อเนย์มาร์กลายเป็นผู้เล่นค่าตัวแพงที่สุดในโลก 222 ล้านยูโรในการย้ายไปร่วมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในฤดูกาล 2017/2018 ทำให้บาร์ซ่าไปคว้าตัวอุสมาน เด็มเบเล่ นักเตะที่มีค่าตัวเพียงครึ่งเดียวมาแทนที่ เด็มเบเล่เริ่มต้นฤดูกาลแรกด้วยคนมีปัญหาอาการบาดเจ็บจนทำให้ได้ลงสนามแค่ 24 เกม และมีเพียง 4 ประตู เมื่อเทียบกับเมสซี่ที่ทำไป 46 ลูกและซัวเรสอีก 33 ลูก

ทว่าในฤดูกาลใหม่นี้เด็มเบเล่กลับมาฟิตและได้ลงเล่นไปแล้ว 13 เกมในลาลีก้า ช่วยเสริมการทำประตูให้ต้นสังกัดไป 5 ลูก เมื่อรวมกับเมสซี่และซัวเรสที่ทำไปแล้วคนละ 9 ประตู  นั่นทำให้สามประสานเจ้าบุญทุ่มมีผลงานสูงถึง 62.5% ของที่ทีมทำได้

  1. เซอร์ไพรซ์จากแฟร้งค์เฟิร์ต

ชื่อของเซบาสเตียน เฮลเล่อร์, แอนต์ เรบิคและลูก้า โจวิชคงทำให้ทุกคนแปลกใจ เพราะพวกเขาเป็นสามกองหน้าที่จู่ ๆ ก็ฟอร์มฮอตขึ้นมาดื้อ ๆ

บนเวทีบุนเดสลีก้า สามตัวรุกของสโมสรไอน์ทรัชค์ แฟร้งค์เฟิร์ตช่วยกันทำประตูไป 24 ลูก ส่งทีมขึ้นมาอยู่หัวตารางอย่างเหลือเชื่อ ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังมีส่วนช่วยในการทำประตูสูงถึง 80% เมื่อพิจารณาจากประตูที่ทีมทำได้ 30 ลูกในปัจจุบัน

โจวิช นักเตะที่ยืมตัวมาจากเบนฟิก้าทำคนเดียวไป 5 ประตูในเกมพบฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ ขณะที่เซบาสเตียน เฮลเล่อร์เป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในตำแหน่งหมายเลข 9 ของยุโรป เมื่อเขายิงไป 10 ประตูและแอสซิตท์อีก 7 ลูก

วิธีการที่สร้างประโยชน์สูงสุดของทั้งสามคนคือการปล่อยให้แอนต์ เรบิค กองหน้าโครเอเชียจากชุดรองแชม์โลกปั่นป่วนแนวรับ และให้เฮลเล่อร์กับโจวิชสลับกันโจมตีเพื่อจบสกอร์

  1. ทรีโอ้ปีศาจร้ายอยู่ที่ปารีส

ในชาร์ตของอันดับความร้ายกาจตามสถิติของเว็บ Transfermarket ทีมที่ครองอันดับท็อปสุดของแผ่นดินยุโรป ในการมีสามแนวรุกสุดอันตรายคือปารีส แซงต์ แชร์กแมง

เนย์มาร์, เอดิสัน คาวานี่และคีเลียน เอ็มบัปเป้ ได้สร้างเครื่องหมายการค้าขึ้นมาใหม่ด้วยการทำไปถึง 34 ประตู โดยเอดิสัน คาวานี่ยิง 11 ลูกจาก 11 เกม เนย์มาร์จัดไป 11 ลูกจาก 12 เกม และเอ็มบัปเป้ 12 ลูกจาก 12 เกมซึ่งกองหน้าฝรั่งเศสลงเป็นตัวสำรองถึง 4 เกมด้วยกัน

โค้ชโธมัส ทูเคิ่ลของปารีสเลือกที่จะใช้งานกองหน้าทั้งสามรายตามสไตล์ส่วนตัว ในเกมรุกแบบทั่วไป เนย์มาร์จะเป็นคนพาบอลเข้าสู่พื้นที่สังหารหรือการเล่นบอลโดยมีเอดิสัน คาวานี่ยืนค้ำเป็นหัวหอก แต่หากเป็นการโจมตีสวนกลับ คีเลียน เอ็มบัปเป้จะใช้ความเร็วเอาชนะกองหลังคู่แข่ง ดังนั้นเปแอสเชจึงมีเกมรุกที่หลากหลายที่สุดในบรรดาทีมหัวแถวของยุโรปด้วยกันในเวลานี้

ถ้าขาดใครไป…ทีมไหนไม่สะดุด?

มีตัวอย่างให้เห็นอย่างชัดเจนจากลิเวอร์พูลเมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายฤดูกาลที่แล้ว โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และโรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ผลัดกันออกจากสนาม ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อฟอร์มโดยรวมของทีม

ในกลุ่ม 5 สโมสรนี้ อะไหล่ในแนวรุกของแมนซิตี้ยังมีดาบิด ซิลบากับริยาร์ด มาห์เรช ซึ่งหลายเกมที่เป๊บหมุนเวียนผู้เล่นลงสนาม ทั้งสองรายก็สามารถทดแทนตำแหน่งได้อย่างไม่หย่อนลงเลย เช่นเดียวกันกับบาร์เซโลน่า เพราะในขณะที่เมสซี่ ซัวเรสและเด็มเบเล่ยังคงมีผลงานดี ผู้เล่นอย่างคูติญโญ่ก็เป็นอีกรายที่ทำผลงานได้โดดเด่นไม่แพ้กัน ฝั่งจ่าฝูงลีกเอิงฝรั่งเศสที่กลางสนามยังคงมีสองผู้เล่นที่โดดเด่นทั้งแองเจิล ดิ มาเรียและจูเลี่ยน แดร็กซ์เล่อร์รอทดแทนส่วนที่ขาดหายไปอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นทั้งสามทีมนี้น่าจะไม่มีผลงานที่แตกต่างมากนักหากสามประสานนัดกันฝืด

แต่สองทีมจากบุนเดสลีก้าต่างไป เมื่อพวกเขาไม่มีใครให้พึ่งพาได้อีกแล้ว หากพวกเขาไม่สามารถเข็นผู้เล่นรายอื่นให้โชว์ฟอร์มดีขึ้นมาเสริมทัพ ก็คงต่างทำได้แต่ภาวนาให้นักเตะแนวรุกทั้งสามอยู่รอดปลอดภัยไปจนกว่าจะถึงเส้นชัยและไม่โดนใครซื้อไปร่วมทัพเสียก่อน