บรูโน่ เฟอร์นานเดส จอมทัพที่ปีศาจแดงรอคอย

MANCHESTER, ENGLAND - FEBRUARY 01: Bruno Fernandes of Manchester United looks on during the Premier League match between Manchester United and Wolverhampton Wanderers at Old Trafford on February 01, 2020 in Manchester, United Kingdom. (Photo by Alex Livesey/Getty Images)

ปิดมหากาพย์ 48 ชั่วโมงไปเรียบร้อย สำหรับการย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ “บรูโน่ เฟอร์นานเดส” โดยทั้งสองฝ่ายมีข่าวเชื่อมโยงกันมาตั้งแต่ตลาดนักเตะช่วงซัมเมอร์ ซึ่งขณะนั้นทีมปีศาจแดงกำลังมองหาผู้เล่นตำแหน่งสร้างสรรค์เกมรุก ในขณะที่ตัวนักเตะเองก็ดูจะมีใจให้อยู่ไม่น้อย แต่จนแล้วจนรอดดีลดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น จนกระทั่งเมื่อตลาดนักเตะเปิดอีกครั้ง มิดฟิลด์ตัวรุกทีมชาติโปรตุเกสก็กลับมามีกระแสข่าวย้ายทีมภายใน 48 ชั่วโมงตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคม แต่กว่าที่การย้ายทีมจะเสร็จสิ้นก็ล่วงเลยเกือบจะสิ้นเดือน ทำเอาบรรดาเด็กผีลุ้นตัวโก่งว่าจะกลายเป็นตำนาน 48 ชั่วโมงเหมือนนักเตะเป้าหมายหลายรายก่อนหน้านี้ไปเสียแล้ว

บรูโน่ เฟอร์นานเดส ถือเป็นการเสริมทัพในส่วนที่ขาดอีกครั้งของ โอเล่ กุนน่าร์ โซลชา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ มาบัญชาการแนวรับ, อารอน วาน-บิสซาก้า คุมแนวรับทางกราบขวา และดาเนียล เจมส์ คอยเติมเกมรุกริมเส้น ซึ่งเพลย์เมคเกอร์ชาวโปรตุเกสจะเข้ามาช่วยสร้างสรรค์เกมรุกของปีศาจแดงให้มีมิติมากขึ้น หลังประสบปัญหาเจาะแนวรับคู่แข่งไม่เข้ามาตลอดช่วงครึ่งแรกของซีซั่น

นับตั้งแต่เปิดฤดูกาล โซลชาเลือกใช้ระบบ 4-3-3 เป็นรูปแบบการเล่นหลักของปีศาจแดง โดยตำแหน่งจอมทัพหรือผู้เล่นหมายเลข 10 ได้สร้างปัญหาหนักอกให้กับกุนซือชาวนอร์เวย์มาตลอด เพราะไม่ว่าจะเลือกนักเตะคนไหนลงสนามก็ดูจะไม่เวิร์กสักคน ไม่ว่าจะเป็น เจสซี่ ลินการ์ด ที่ได้โอกาสลงสนามบ่อยครั้งแต่กลับไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน ยิงไม่ได้แถมจ่ายก็ไม่ตรงเพื่อน, อันเดรียส เปเรร่า บราซิลเซิ่นเจิ่นที่ทำได้แค่เตะมุมใส่หัวกองหลังคู่แข่ง หรือแม้แต่ฮวน มาต้า ที่ถือว่ามีประสบการณ์มากที่สุดในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกก็ดันมาขาดความสม่ำเสมอทั้งฟอร์มการเล่นและการลงสนาม ส่งผลให้สถิติการยิงประตูของทีมตกต่ำที่สุดในรอบหลายปี ถึงขนาดที่บางนัดไม่สามารถยิงตรงกรอบประตูคู่แข่งได้เลยด้วยซ้ำ ทำเอาแฟน ๆ นักพนันที่ VWIN เลิกเดิมพันทีมตัวเองไปเลย

บรูโน่ เป็นนักเตะที่สามารถพาบอลไปกับตัวได้ดี มีการจ่ายบอลที่แม่นยำ และสร้างโอกาสทำประตูให้เพื่อนได้บ่อยครั้ง จนกลายเป็นเพลย์เมคเกอร์ที่โดดเด่นคนหนึ่งของยุโรป โดยนับตั้งแต่ย้ายร่วมทีมสปอร์ตติ้ง ลิสบอน เมื่อปี 2017 เขาสามารถเก็บแอสซิสต์ได้ถึง 52 ครั้ง กลายเป็นนักเตะที่ทำแอสซิสต์มากที่สุดในลีก, จ่ายบอลมากที่สุดในลีก และสร้างโอกาสได้มากที่สุดในลีก นอกจากนั้นการยิงประตูยังถือเป็นอีกจุดเด่นของเขา โดยอดีตกัปตันทีมสิงโตเขียวขาวสังหารประตูคู่แข่งไปทั้งสิ้น 63 ลูก จากการลงสนาม 137 นัด ถือเป็นนักเตะที่ยิงประตูมากที่สุดในลีก, ยิงตรงกรอบมากที่สุดในลีก, ยิงประตูจากฟรีคิกมากที่สุดในลีก, และยิงประตูจากนอกกรอบเขตโทษมากที่สุดในลีก

จากสถิติอันยอดเยี่ยม โซลชาจึงตัดสินใจส่งบรูโน่ประเดิมสนามทันทีในเกมกับวูล์ฟแฮมป์ตัน โดยครึ่งแรกเขายืนในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก ซึ่งได้โอกาสลุ้นทำประตูจากจังหวะส่องไกลไปตรงตัวผู้รักษาประตู ก่อนที่ในครึ่งหลังจะถูกสั่งให้ยืนต่ำลงมาด้วยการสลับตำแหน่งกับเปเรร่าที่เล่นไม่ออกในบทบาทมิดฟิลด์คู่กลาง ซึ่งบรูโน่ก็เล่นได้อย่างไม่มีข้อบกพร่องทั้งที่ไม่ใช่ตำแหน่งถนัด จนถูกเลือกให้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ในนัดนี้ ด้วยสถิติสัมผัสบอล 111 ครั้ง, พยายามจ่ายบอล 88 ครั้ง และยิงตรงกรอบ 3 ครั้งจากการยิง 5 ครั้ง แม้จะได้รับบทจอมทัพปีศาจเพียงครึ่งเกม แต่บรูโน่ก็ยังหาโอกาสจ่ายบอลทะลุช่องให้เพื่อนได้ รวมถึงมีจังหวะสับไกนอกกรอบเขตโทษ ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากทีมปีศาจแดงก่อนหน้านี้ ไม่แน่เมื่อ สก็อต แม็คโทมิเนย์ หายจากอาการบาดเจ็บกลับมายืนเป็นมิดฟิลด์คู่กลาง แล้วดันบรูโน่ขึ้นไปเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกเต็มตัว แนวรุกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจจะกลับมาเป็นปีศาจแดงที่น่าเกรงขามได้อีกครั้ง