ว่าที่ผู้ยิ่งใหญ่แห่งบุนเดสเทรนเนอร์ “ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์”

“แน่นอนครับ แทคติกคืออาวุธที่สามารถจะเอาชนะคู่แข่งได้ แต่สำหรับผม แทคติกมีผลแค่ 40 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น อีก 60 เปอร์เซ็นต์ คือใจของนักเตะ” หนึ่งในแนวคิดของเทรนเนอร์สายเลือดใหม่ที่กำลังถูกจับตามองมากที่สุดในโลก “ยูเลี่ยน นาเกลส์มันน์” กุนซือผู้ถือครองรางวัล ผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมของบุนเดสลีกา เมื่อฤดูกาล 2016 และเจ้าของสถิติผู้จัดการทีมอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ลีกสูงสุดของเยอรมันได้กล่าวเอาไว้

กุนซือสายเลือดใหม่ผู้จะประกาศศักดาในไม่ช้า

เทรนเนอร์ในวัย 30 ปี กำลังเป็นที่จับตามองจากยอดทีมทั่วยุโรป ในอนาคตข้างหน้าเขาจะได้ลงเอยกับยอดทีมไหน คงไม่อาจจะรู้ได้ แต่สิ่งที่แฟนบอล รวมถึงผู้สันทัดกรณีในโลกลูกหนัง ต่างลงความเห็นกันแล้วว่า เขานี่แหละจะเป็นผู้สืบทอดความยิ่งใหญ่ของกุนซือยุคใหม่ที่จะมาถึงในไม่ช้านี้

ด้วยปรัชญาการทำทีมที่ไม่เหมือนใคร ผสมผสานระหว่างการทำเกมบุกที่สวยงาม โดยอาศัยการครองบอลอันเหนียวแน่น และการเพรสซิ่งคู่แข่งที่ดุดัน รวดเร็วในการเล่นเกมรับ “ผมนำการแย่งบอลในแบบ คล็อปป์ มาประยุกต์ใช้กับการครองบอลแบบเป๊ป กวาดิโอล่า และ ทูเคิ่ล” ผู้จัดการทีมฮอฟเฟ่นไฮม์กล่าว

บาร์เยิน มิวนิค หรือทีมชาติเยอรมัน

“ผมยืนยันตรงนี้ 100% ฤดูกาลหน้ายูเลี่ยนจะอยู่กับเรา(ฮอฟเฟ่นไฮม์)” ปากคำจากอเล็กซานเดอร์ โรเซน ผู้อำนวยการกีฬาของ ฮอฟเฟ่นไฮ แต่ทุกคนต่างรับรู้กันดีว่าไม่วันใด ก็วันหนึ่งฮอฟเฟ่นไฮม์คงต้องยอมปล่อยตัวนาเกลส์มันน์ เพื่อเขาจะได้เดินทางสร้างเกียรติประวัติแก่ตนเอง แล้วงานต่อไปของเขาจะเป็นที่ไหนกัน?

สโมสรอันดับ 1 ของบุนเดสลีกา บาร์เยิน มิวนิค

          ทีมเสือใต้ ดูเหมือนจะมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เหมาะสมกับเทรนเนอร์ไฟแรงคนนี้ อย่างแรกคือ เป็นความใฝ่ฝันของเจ้าตัว อย่างที่ 2 คือ เป็นคนเยอรมันโดยกำเนิด และเป็นกุนซือที่เน้นเกมรุก แนวทางเดียวกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ซึ่งบรรดาพ่อใหญ่แห่งเสือใต้ชื่นชอบ เพียงแต่กุนซือวัย 30 ปีคนนี้ มีโอกาสจะโยกมารับงานกับบาร์เยินได้มากกว่า คล็อปป์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเลือดของดอร์ทมุนด์ ทีมคู่แข่งที่สำคัญนั่นเอง

          สุดท้ายแล้วแฟนบอลก็ยังต้องลุ้นต่อไปว่าเขาจะลงเอยที่ใด หรืออาจจะเข้าไปสานต่องานโยกี้ เลิฟ กับทีมชาติเยอรมัน ชุดใหญ่ก็ได้ แน่นอนว่าอาจจะดูเร็วเกินไปที่จะยกให้ นาเกลส์มันน์ คุมทีมอินทรีเหล็ก แต่หากเรามองในแง่ของความเป็นจริงที่ว่า กุนซือโยอัคคิม เลิฟ เพิ่งทำการต่อสัญญากับทีมออกไปอีกถึงปี 2022 นั่นอาจจะหมายความว่า เมื่อถึงตอนนั้น นาเกลส์มันน์ก็อาจจะพร้อมแล้ว สำหรับทีมชาติชุดใหญ่ และเขาจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เขียนตำนานบทใหญ่แห่งวงการฟุตบอลอย่างแน่นอน